ยินดีต้อนรับทุกท่านที่ร่วมเดินทางไปกับนายตาตีบ

นายตาตีบยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ความทรงจำของการเดินทางสายวัฒนธรรม ประเพณี และดนตรีนาฏศิลป์อีสาน ความรู้บางอย่างที่มิอาจหาได้จากห้องเรียน

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วงแคน ณ ลานแปดเหลี่ยม


               ผมก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง หรือคนทั่วไปมักรู้จักในชื่อ วงแคน ชาว วงแคน ตั้งแต่เปิดเทอมมาทุกคนยังไม่ได้หยุดพักในเรื่องของการซ้อมและการแสดงเลย ผมก็เช่นเดียวกัน ทำกิจกรรม หลายๆอย่างมากมายจนหัวจวนจะหมุนเป็นเกรียว ทั้งทำงานของสโมสรนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ทำงานรายวิชาส่วนตัว และยังมีงานของ วงแคน อีกอย่าง ตั้งแต่เช้าของวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา กริ้ง ! ๆ ๆ เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น สวัสดีครับไผ่พูดครับ เอ่อ! ไผ่ วันที่ 12 มิถุนา มีงานแสดงที่ วิด-ลัยการเมืองเด้อ ลงมาซ้อมที่ชมรมตอนเย็นนะ เสียงของมิว หัวหน้านาฏศิลป์ชาย  โอเค แล้วตอนเย็นเดี๋ยวไปเด้อ ผมตอบรับอย่างยินดี 
             ประมาณ 5 โมงเย็นของวันนั้นผมออกเดินทางจากห้องพักกับน้องชายที่พักอยู่ด้วยกัน เพื่อที่จะไปซ้อมดนตรีและซ้อมฟ้อนที่ชมรม จากห้องพักผมถึงชมรม วงแคนที่อยู่ มอเก่า  ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15- 20 นาที ฮื้ม! . .” เสียงดับเครื่องของรถมอไซด์  ที่ผมใช้เดินทางดับลง ผมก้าวเดินลงจากรถ บึ่งหน้าไปที่ห้องพระของชมรม ซึ่งเป็นห้องที่ทางชมรม ให้ความเคารพมาก 
ห้องพระชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง โดยมีหลวงพ่อใหญ่วงแคน เป็นพระประธาน

                พอกราบพระเสร็จ ประธานชมรมได้เรียก สมาชิกชมรมทุกคนประชุมถึงรายละเอียดในงานที่จะไปแสดง พอประชุมเสร็จ ทุกคนจึงได้แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง ผมซึ่งได้หน้าที่ในงานนี้เป็นนาฏศิลป์ชาย  ลายที่ผมได้ฟ้อนนั้นคือ ลายเต้ยหัวโนนตาล ผมทำการซักซ้อมพอรู้ว่าท่าไหนขึ้นก่อนหลัง ลักษณะของท่าต่างๆพอสมควรแล้ว ไผ่ๆ ๆ เสียงคิมเรียกผม อีหยัง ผมถามไปด้วยความสงสัย ซ้อมเสร็จแล้วไป่ (ซ้อมเสร็จยัง) คิมถาม เสร็จแล้ว เอ่อ มาต่อท่ารำมวยโบราณให้น้องเขาแหน่ คิมบอก  ผมพยักหน้าแล้วเดินตรงไปหากลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง กลุ่มคนกลุ่มนี้คือนิสิตปี 1 ที่เข้ามาด้วยโควตาขับร้องนั่น ผมจึงบอกให้เขาหัดเดินในท่ากาเต้นก้อนขี้ไถ หรือเดินย่องในแบบรำมวยนั่นเอง  เวลาประมาณเกือบ 4 ทุ่มของวันนั้น ทางประธานชมรมก็สั่งให้หยุดการซ้อมทุกอย่าง แล้วให้ทุกคนไปประชุมรวมกันที่ห้องซ้อม ในการประชุมแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีแค่นั้นเพื่อรับทราบรายละเอียดของงาน ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ต้องแสดง 


วันนี้ทางชมรมนัดนักแสดง และนักดนตรี เวลา บ่าย 2 รวมตัวกันที่ชมรมเพื่อเตรียมของที่จะใช้ในการแสดง ผมได้ออกเดินทางจากห้องพักตั้งแต่เวลา บ่ายโมงครึ่งด้วยรถมอไซด์ กับน้องคนเดิม พอไปถึงชมรมผมก็รีบบึ่งเข้าไปห้องพระอย่างเช่นเคย หลังจากกราบพระเสร็จก็ช่วยเพื่อนจัดของเข้ากล่องเพื่อเตรียมนำไปแสดง พอดีวันนี้เป็นวันพิเศษอีกอย่าง นั่นคือ วันคล้ายวันเกิดของครูบุ๋ม นาฏศิลป์หญิงสมาชิกคนหนึ่งของชมรม ทางเพื่อนๆที่มาก่อน จึงจัดการเตรียมเค้กวันเกิดเพื่อที่จะเซอร์ไพร์  พอจัดของเสร็จเรียบร้อยทุกคนจึงช่วยกันขนของออกมาข้างนอก เพื่อเตรียมเอาขึ้นรถที่จะมารับในอีกไม่กี่นาทีที่จะถึง หลังจากขนของออกจากห้องเสร็จทุกคนพากันปูเสื่อใต้ต้นไม้หน้าชมรมนอนรอรถที่จะมารับ แต่มีคน 3-4 คนที่เดินกลับมาในห้องของชมรมอีกครั้งหนึ่งในนั้นก็มีผมด้วย พร้อมกลับออกมาด้วยเค้กวันเกิดก้อนโต ในตอนนั้นบุ๋มเจ้าของวันเกิดยังนอนเล่นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น พอพวกผมเดินมาถึงที่ที่เจ้าของวันเกิดนั่งอยู่ 1 -2 -3 แฮปปี๊เบิร์ดเดย์ ทูยู เสียงของ องุ่น หญิงสาวผู้ถือ เค้กวันเกิดเริ่มเป็นต้นเสียง 

วันนี้วันเกิดครูบุ๋มจ้า 

            พอเสร็จจากการกินเค้กวันเกิดเสร็จ รถสองแถวที่จะใช้ขนของไป มอใหม่ ก็มาถึงพอดี ใช้เวลาในการเดินทางจาก มอใหม่ถึง มอเก่า ประมาณ 10 นาที ถึงวิทยาลัยการเมืองการปกครอง เวลา  4 โมงเย็นทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง นางรำก็ขนเครื่องใช้ของตนเองไปที่ห้อง D-211 นักดนตรีก็ขนของไปไว้ที่หน้าตึกวิด-ลัยการเมือง เวลาประมาณ 6 โมงเย็นเป็นเวลาเริ่มการแสดง เริ่มจากการแห่พานบายศรีสู่ขวัญ ทำการสู่ขวัญ


 และบรรเลงลายบายศรีสู่ขวัญ  เปิดวง เต้ยหัวโนนตาล การแสดงนี้เองที่ผมได้มีส่วนร่วมในการแสดงด้วย ในตอนที่กำลังแสดงนี้เอง ท้องของผมก็เริ่มรู้สึกปั่นป่วน ลมเบื้องบนตีกับลมเบื้องล่าง ทำให้ผมรู้สึกปวดท้องอย่างบอกไม่ถูก พอแสดงเสร็จลงมาจากเวทีอาจารย์กัณตพล ที่ปรึกษาวงแคน เดินมาหาผมแล้วถามผมว่า ไผ่ทำไมไม่ยิ้ม ผมเลยตอบอาจารย์ไปด้วยเหตุผลว่า ผมปวดท้องครับอาจารย์ และอีกอย่างคือถ้าผมยิ้มผมจะมองไม่เห็นทางครับ อาจารย์ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความขำ การแสดงดำเนินต่อไปด้วย ฟ้อนแพรวากาฬสินธุ์ ฟ้อนลีลาวดี และตามด้วยปิดวงเป็นอันจบการแสดง การแสดงในครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีเห็นได้จาก ความสนุกของคนที่มาดู มีส่วนร่วมถึงกับลุกขึ้นฟ้อนกันเป็นจำนวนมาก 

วงแคน ณ หน้าตึก D

บาส มือโหวด

ฟ้อนเต้ยหัวโนนตาล

ฟ้อนแพรวากาฬสินธุ์

อ๊อฟ มือกลอง

เหมือนจะร้องไห้เลย องุ่น 

ดูใบหน้าคนข้างหลัง อาการของคนปวดท้อง

ฟ้อนแพรวา สวยมาก













กั๊บแก๊ป กับ นางไห วงแคน

รอยยิ้ม ตรึงใจ






1 ความคิดเห็น:

  1. ดีงามครับ ร่วมกันสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น

    ตอบลบ